วันที่ 4 - 9 มกราคม 2021 นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน เยือนไนจีเรีย คองโก บอตสวานา แทนซาเนีย และเซเชลส์ รวม 5 ประเทศตามคำเชิญ จากนั้นวันที่ 11 - 16 มกราคม เขาเยือน 4 ประเทศอาเซียน ได้แก่ เมียนมา อินโดนีเซีย บรูไน และฟิลิปปินส์ตามคำเชิญ ในช่วงเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนเขาเยือน 9 ประเทศเอเชียและแอฟริกาอย่างต่อเนื่อง ประสานงานกับประเทศเหล่านี้แบบตัวต่อตัว ร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรค ส่งเสริมความร่วมมือ และวางแผนอนาคต แสดงถึงความรับผิดชอบของจีนในฐานะประเทศใหญ่ ขณะเดียวกันประชาคมจีน-แอฟริกาที่มีอนาคตร่วมกันก็แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นและฝีก้าวการสร้างสรรค์ประชาคมจีน-อาเซียนที่มีอนาคตร่วมกันก็มีพลังมั่นคงมากขึ้น

ตั้งแต่ ค.ศ. 1991 เป็นต้นมา รัฐมนตรีต่างประเทศจีนเลือกเยือนแอฟริกาเป็นที่แรกในรอบปีก่อนเริ่มไปมาหาสู่กับต่างประเทศ แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพดั้งเดิมระหว่างจีน-แอฟริกาและการให้ความสำคัญอย่างสูงของจีนที่มีต่อแอฟริกา ทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่าจีนสนับสนุนการพัฒนาและความเจริญของแอฟริกาอย่างแน่วแน่ หลักการการต่างประเทศของจีนยืนอยู่เคียงข้างประเทศกำลังพัฒนามาอย่างต่อเนื่องผ่านสิ่งที่จีนแสดงออกมาตลอด 30 ปี แม้ปีนี้มีอุปสรรคจากสถานการณ์โควิด-19 แต่จีนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและสืบสานเจตนารมณ์ดั้งเดิมต่อไป

การเยือนครั้งนี้ คองโกและบอตสวานาต่างลงนามบันทึกช่วยจำว่าด้วยการร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กับจีน ทำให้สองประเทศดังกล่าวกลายเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” อันดับที่ 45 และ 46 ของแอฟริกา ทั้งนี้ การร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ขจัดผลกระทบจากโควิด-19 และการรบกวนจากภายนอก รวมทั้งยังมีพลังครอบคลุมทั่วทั้งทวีปแอฟริกาซึ่งย่อมจะมีอนาคตที่สดใสมากขึ้น

ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 30 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์คู่เจรจาระหว่างจีน-อาเซียน ตั้งแต่สองฝ่ายสถาปนาความสัมพันธ์คู่เจรจามาตั้งแต่ ค.ศ. 1991 ความร่วมมือทวิภาคีดังกล่าวกลายเป็นแบบฉบับที่ประสบผลสำเร็จและมีพลังมากที่สุด สร้างความผาสุกแก่ประชาชน 2,000 ล้านคน ใน 11 ประเทศ ปีที่แล้วความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-อาเซียนทวนกระแสกลับมีทิศทางกระเตื้องขึ้น สองฝ่ายเป็นหุ้นส่วนการค้าใหญ่อันดับแรกของกันและกันเป็นครั้งแรก ทั้งยังร่วมกันผลักดันการลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของเศรษฐกิจโลก

สถานการณ์โควิด-19 เป็นความท้าทายเร่งด่วนที่ประชาคมโลกเผชิญอยู่ในขณะนี้ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวถึงวัคซีนโควิด-19 ในเดือนนี้ว่า ประเทศที่มีรายได้สูงกำลังได้รับวัคซีนโควิด-19 อย่างรวดเร็ว ขณะที่ประเทศยากจนที่สุดกลับไม่มีวัคซีน ตั้งแต่เกิดโควิด-19 ระบาดเป็นต้นมา จีนดำเนินปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมใหญ่ที่สุดโดยยื่นมือช่วยเหลือ 53 ประเทศแอฟริกาและสหภาพแอฟริกา จีนรักษาคำมั่นสัญญาที่จะผลักดันให้วัคซีนโควิด-19 กลายเป็นผลิตภัณฑ์สาธารณะของโลก รวมทั้งยินดีขยายความร่วมมือกับประเทศแอฟริกาที่ต้องการเพื่อเพิ่มความครอบคลุมและความสามารถในการจัดหาวัคซีน ด้านผู้นำประเทศแอฟริกา เช่น ประธานาธิบดีเซเชลส์ กล่าวว่า เขาจะรับวัคซีนโควิด-19 ของจีนก่อน

ขณะนี้ ประเทศอาเซียนซึ่งรวมถึงอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เป็นต้น มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่จำนวนมากทุกวัน วัคซีนถูกมองว่าเป็นหนทางเอาชนะการต่อสู้กับไวรัสฯ และส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เมื่อเร็ว ๆ นี้ อินโดนีเซียเริ่มฉีดวัคซีนของจีนแก่ประชาชนเป็นการใหญ่ โดยประธานาธิบดี โจโก วีโดโด เป็นคนแรกที่ได้รับวัคซีน นอกจากนี้ จีนยังบริจาควัคซีนชุดแรกให้ฟิลิปปินส์ใช้ก่อนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ขณะที่ไทยและมาเลเซียตัดสินใจซื้อวัคซีนโควิด-19 จากจีน สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่า ขณะเยือนฟิลิปปินส์ ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต เทน้ำยาฆ่าเชื้อให้ นายหวัง อี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพพี่น้องระหว่างประชาชนจีน-อาเซียน

ภายใต้การทับซ้อนกันของการเปลี่ยนแปลงในรอบร้อยปีและสถานการณ์โควิด-19 จีนและประเทศแอฟริการวมถึงอาเซียนร่วมแรงร่วมใจกัน ผนึกกำลังมหาศาลของประชาชนเอเชีย-แอฟริกา เมื่อมองถึงอนาคต จีน-แอฟริกาจะส่งเสริมการประสานงานเชิงยุทธศาสตร์มากขึ้น จับมือกันสร้างประชาคมจีน-แอฟริกาที่มีอนาคตร่วมกันที่แน่นแฟ้น ขณะที่ความสัมพันธ์จีน-อาเซียนที่มีมา 30 ปี จะมีระดับสูงขึ้นตลอดจนเดินด้วยฝีก้าวที่มั่นคงอย่างมีพลัง

(Tim/Cui)