“顺天时,量地利,则用力少而成功多” อ่านว่า “ซุ่นเทียนสือ เหลียงตี้ลี่ เจ๋อย่งลี่เส่า เอ๋อร์เฉิงกงตัว” หมายความว่า ให้ทำตามฤดูกาลและธรรมชาติของดิน เช่นนี้จะใช้แรงน้อยแต่ได้ผลมาก
นี่เป็นสำนวนเก่ามาจากตำราจีนโบราณ 《齐民要术》 “ฉีหมินเย่าซู่” (Qimin Yaoshu, Essential Techniques for the Welfare of the People) ที่เขียนไว้เมื่อกว่า 1,400 ปีก่อน ได้ชื่อว่าเป็น “สารานุกรมการเกษตรสมัยโบราณของจีน” เนื้อหาครอบคลุมฤดูกาลและการเพาะปลูกพืชพันธุ์ต่างๆ สอนให้ดำเนินการตามกฎธรรมชาติ ชูหลักปรัชญาเชื่อมฟ้า-ดิน-มนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นแนวคิดแนวปฏิบัติของชาวจีนตั้งแต่สมัยโบราณถึงปัจจุบัน รวมถึงเป็นหลักยุทธศาสตร์ในการบริหารประเทศชาติและการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ด้วย
ตัวอย่างเช่น “มหาคลองขุดสมัยราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถัง” (Grand Canal of Sui and Tang dynasties) ของจีนที่นอกจากจะเป็นทางเชื่อมแม่น้ำธรรมชาติที่ไม่ทำลายสภาพแวดล้อมแล้ว ยังเป็นทางเชื่อมการสัญจรไปมาระหว่างผู้คนและสินค้าให้สะดวกคล่องตัวอย่างมาก ช่วยส่งเสริมให้การขนส่งทางบกและพื้นที่โดยรอบได้รับการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
พูดตามตรงแล้ว ทำอย่างไรมนุษย์กับธรรมชาติจึงจะอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองเป็นประเด็นท้าทายสติปัญญาของมนุษย์มานาน ประเทศไทยก็มีสำนวนทำนองนี้ เช่น “เดือนหกให้หว่านกล้า เดือนห้าให้แต่งไถ”
ชาวจีนทุกวันนี้นำหลักปรัชญานี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานอย่างไร?
เป็นคำถามที่ดี ชาวจีนในทุกวันนี้นำหลักปรัชญาไปใช้ในแทบทุกวงการ เช่น การกำหนดนโยบายด้านภูมิอากาศ การสร้างเมืองให้น่าอยู่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การจัดการความสัมพันธ์ระหว่งระบบนิเวศกับการพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นต้น
ตัวอย่าง ตำบลหลินฉี (临岐镇) ตำบลเล็กๆในมณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน เป็นแบบอย่างที่ยึดหลัก “ตามฤดูกาลและธรรมชาติของดิน” ตำบลหลินฉี มีอัตราพื้นที่ป่าไม้กว่าร้อยละ 80 มีสภาพภูมิอากาศที่อบอุ่นชุ่มชื้น ปริมาณน้ำฝนที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เหมาะกับการเพาะปลูกสมุนไพรจีน
ตำบลหลินฉีไม่ได้ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม หากแต่สนับสนุนให้ชาวบ้านหันมาทำการเพาะปลูกสมุนไพร ทำธุรกิจการแปรรูป และยังมีโครงการความร่วมมือระหว่างภาคการผลิต การศึกษา และการวิจัย ซึ่งเหมาะสมกับสภาพของท้องถิ่นที่นี่ ได้คุ้มครองภูเขาเขียวและธารน้ำใสของท้องถิ่น เมื่อมนุษย์รักธรรมชาติ ธรรมชาติก็ตอบแทนมนุษย์ ซึ่งเป็นวงจรหมุนเวียนที่ดี
Raspberry เปรี้ยวๆ หวานๆ อร่อยมาก บางคนอาจจะไม่นึกเลยว่ายังเป็นสมุนไพรด้วย
Raspberry เป็นทั้งยาและอาหาร ตอนที่ผลยังเขียวอยู่ใช้เป็นยาสมุนไพร เมื่อผลสุกเป็นสีแดงแล้วก็เป็นผลไม้โอชารส
ปี 2020 ที่ตำบลหลินฉี มีพื้นที่ปลูก Raspberry ถึง 12 ตารางกิโลเมตร มูลค่าการผลิตทั้งผลสีเขียวและผลสีแดงเป็นกว่า 50 ล้านหยวน หรือราว 7.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ตำบลหลินฉียังดำเนินโครงการวิจัยด้านแพทย์แผนจีนและโครงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทั้งปีรองรับนักท่องเที่ยวกว่า 2 แสนคน
ตำบลเล็กๆ เช่นนี้ดำเนินการตามกฎธรรมชาติและระบบนิเวศ ชาวบ้านมีความมั่งคั่งขึ้น ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามหลัก “顺天时,量地利” “ซุ่นเทียนสือ เหลียงตี้ลี่” ตามฤดูกาลและธรรมชาติของดิน เช่นนี้จะใช้แรงน้อยแต่ได้ผลมากจริงๆ
และถ้ามีโอกาสไปเยือนตำบลหลินฉี ก็น่าไปเยือนหมู่บ้านเซี่ยเจียง (下姜村) ที่อยู่ไม่ไกลกัน
หมู่บ้านเซี่ยเจียงใช้แนวคิด “ตามฤดูกาลและธรรมชาติของดิน”อย่างไร?
แนวคิด “顺天时 量地利” “ซุ่นเทียนสือ เหลียงตี้ลี่” พอมาถึงปัจจุบันก็คือแนวคิด “เขาเขียวน้ำใส คือภูเขาเงินภูเขาทอง” ของปธน.สี จิ้นผิงที่ได้กล่าวไว้เมื่อ 20 ปีก่อน ขณะยังประจำอยู่ที่มณฑลเจ้อเจียง ตอนนั้นปธน.สีได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่หมู่บ้านเซี่ยเจียง
หมู่บ้านเซี่ยเจียงแต่เดิมเป็นหมู่บ้านยากจนในหุบเขา เคยมีคำกล่าวว่า “บ้านสร้างจากดิน อาหารมีกินเพียงครึ่งปี ใช้ฟืนก่อไฟ หากมีลูกสาวอย่าให้แต่งกับชายหมู่บ้านเซี่ยเจียง”
แต่หลังจากหมู่บ้านเซี่ยเจียงใช้หลัก “ตามฤดูกาลและธรรมชาติของดิน” มุ่งการพัฒนาแบบสีเขียว ดำเนินการท่องเที่ยวโดยชูเอกลักษณ์ท้องถิ่น ภายในแนวคิดใหม่ “เขาเขียวน้ำใส คือ ภูเขาเงินภูเขาทอง” ทำให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในภาพลักษณ์ใหม่ว่า “เขียวขจี มีทรัพย์และสวยงาม”
ก็จริงทีเดียว การอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ ภูเขาเขียวและธารน้ำใสสะอาด ก็คือภูเขาเงินภูเขาทอง
(YIM/LING/Ldan//SUN/PATT)