การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 5 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 19 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้พิจารณาผ่าน
“ข้อเสนอของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเกี่ยวกับการกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีฉบับที่ 14 และเป้าหมายระยะยาว ปี 2035”
การประชุมในครั้งนี้ได้วาดพิมพ์เขียวแห่งการพัฒนาในอนาคตของจีน กำหนดทิศทางและเป้าหมายแห่งการฟันฝ่าต่อสู้ของทั่วทั้งสังคมจีน จึงมีความหมายสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์
หลังจากการประชุมในครั้งนี้ มีภาษาจีน 3 คำถูกพูดถึงบ่อย ๆ จนกลายเป็นคีย์เวิร์ดในสังคมจีน ได้แก่ “ขั้นตอนใหม่แห่งการพัฒนา” “แนวคิดใหม่แห่งการพัฒนา”และ“โครงสร้างใหม่แห่งการพัฒนา”
โครงสร้างใหม่แห่งการพัฒนา
ปี 2020 ปธน. สี จิ้นผิง ของจีนเคยกล่าวหลายครั้งว่า จีนต้องผลักดันการสร้างโครงสร้างใหม่แห่งการพัฒนาที่ถือการหมุนเวียนใหญ่ภายในประเทศเป็นหลัก และให้การหมุนเวียนภายในประเทศกับการหมุนเวียนระหว่างประเทศเกื้อหนุนกัน
-สาเหตุที่เสนอโครงสร้างใหม่แห่งการพัฒนา
โครงสร้างใหม่แห่งการพัฒนาเสนอขึ้นโดยพิจารณาจากขั้นตอน สภาพแวดล้อมและเงื่อนไขที่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงของจีน นับตั้งแต่ดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นต้นมา จีนได้เข้าร่วมกระบวนการโลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจโลกอย่างลึกซึ้ง ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยพึ่งพาวิธีการต่าง ๆ เช่น การเปิดประเทศ การดึงดูดทุนต่างชาติ การเข้าร่วมการค้าในขอบเขตทั่วโลก ฯลฯ จีนได้กลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สอง และมหาอำนาจอันดับหนึ่งด้านอุตสาหกรรมการผลิตของโลกภายในเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่สิบปีเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันจีนก็ได้ประสบปัญหาด้านโครงสร้างเศรษฐกิจและการแบ่งปันรายได้ ตลอดจนปัญหาการบุกเบิกการพัฒนาตลาดภายในประเทศที่ไม่เพียงพอ เป็นต้น ทำให้ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น ต้องพึ่งพาต่างประเทศมากเกินไป
นักวิเคราะห์มองว่าการที่จีนเสนอการสร้างโครงสร้างใหม่แห่งการพัฒนานั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องตามหลักแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นการวางแผนเชิงรุก ไม่ใช่การบีบบังคับ เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวไม่ใช่มาตรการชั่วคราว
“การมีตลาดขนาดใหญ่ สามารถหมุนเวียนได้ภายในประเทศ” เป็นลักษณะพิเศษร่วมกันประการหนึ่งของเศรษฐกิจในประเทศใหญ่ ๆ ในความเป็นจริง ช่วงปีหลัง ๆ มานี้ พลังขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนได้ค่อย ๆ เปลี่ยนจากการพึ่งพาการส่งออกในอดีตมาเป็นการพึ่งพาการลงทุนและการอุปโภคบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก อัตราการอุดหนุนของอุปสงค์ภายในประเทศที่มีต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับเกิน 100% ติดต่อกัน 7 ปี อุปสงค์ภายในประเทศได้กลายเป็นหลักประกันด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน
ตามสถิติ เมื่อปี 2006 สัดส่วนของมูลค่าการส่งออกในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ของจีนสูงถึงร้อยละ 35.4 ลงลงเหลือร้อยละ 17.4 ในปี 2019 สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนทำการหมุนเวียนภายในประเทศเป็นหลัก
การที่จีนขับเคลื่อนให้เกิดโครงสร้างการพัฒนารูปแบบใหม่นั้น สอดคล้องกับสถานการณ์การพัฒนาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด-19 การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศอ่อนแอลงกระทั่งถูกขัดขวางอย่างเห็นได้ชัด
ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 และต่อไปในอนาคตจีนจะขับเคลื่อนโครงสร้างใหม่แห่งการพัฒนาอย่างไร
- ต้องยืนหยัดการขยายอุปสงค์ภายในประเทศซึ่งถือเป็นจุดสำคัญเชิงยุทธศาสตร์
เพื่อการนี้จีนจะใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น การขับเคลื่อนการปฏิรูปเชิงโครงสร้างในฝั่งของห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเสริมสร้างพลังสนับสนุนจากอุปสงค์ภายใน สร้างอุปสงค์ใหม่ด้วยนวัตกกรมและอุปทานที่มีคุณภาพสูง ให้อุปสงค์กับอุปทานมีความสมดุลในระดับที่สูงยิ่งขึ้น รวมถึงการลงลึกดำเนินการปฏิรูป การขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิต การแบ่งปัน การหมุนเวียนและการอุปโภคบริโภค การขยายบทบาทของกลไกตลาดและบทบาทของภาครัฐอย่างเต็มที่ การเพิ่มรายได้ของประชาชน การลดต้นทุนในด้านต่าง ๆ เป็นต้น
- ยืนหยัดการเปิดประเทศ ลงลึกเข้าร่วมการหมุนเวียนระหว่างประเทศ
ในอดีตที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนได้หลอมรวมเข้าเศรษฐกิจโลกในระดับสูง การหมุนเวียนใหญ่ภายในประเทศไม่ใช่เป็นการหมุนเวียนแบบปิด ในวันข้างหน้าจีนจะใช้ความเป็นตลาดใหญ่ที่แข็งแกร่งให้เป็นประโยชน์ ลงลึกเข้าร่วมการหมุนเวียนระหว่างประเทศ ทำให้การหมุนเวียนภายในประเทศกับการหมุนเวียนระหว่างประเทศเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นจีนยิ่งเปิดกว้างยิ่งจะเป็นโอกาสของนานาประเทศ และเป็นผลดีต่อการส่งเสริมการอำนวยประโยชน์ต่อกัน มีชัยชนะร่วมกัน ความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาจะเป็นของทั้งจีนและนานาประเทศอย่างแน่นอน
BO/LU