สำนักงานการบริหารป่าไม้และทุ่งหญ้าแห่งชาติจีนรายงานเมื่อเร็วๆนี้ว่า ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งของงานคุ้มครองระบบนิเวศและป้องกันการรุกล้ำป่าไม้ จำนวนละมั่งทิเบตในประเทศจีนจากน้อยกว่า 70,000 ตัวในค.ศ. 1980-1990 เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 300,000 ตัวในปัจจุบัน ระดับการคุ้มครองละมั่งทิเบตได้ถูกปรับลดจากสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เป็นเกือบใกล้สูญพันธ์แทน
ในฤดูกาลตกลูกของละมั่งทิเบต ละมั่งทิเบตตัวน้อยมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตสูง หากไม่เข้าช่วยเหลืออย่างทันเวลา มันก็ยากที่จะรอดชีวิตได้ ดังนั้น ในฤดูกาลนี้ของทุกปี เจ้าหน้าที่ของสถานีอนุรักษ์ธรรมชาติหลายแห่งในอุทยานแห่งชาติซานเจียงหยวน จะออกค้นหาเพื่อให้ความช่วยเหลือละมั่งทิเบตน้อยในป่า พอเลี้ยงพวกมันหายดีก็จะฝึกทักษะการใช้ชีวิตแล้วปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
เนื่องจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลลูกละมั่งทิเบตจำนวนกว่า 10 คนล้วนเป็นผู้ชาย ดังนั้น จึงได้รับฉายาว่า “ซุปเปอร์แด๊ดดี้”
ชิวเผยจาซี เป็นผู้อำนวยการสถานีอนุรักษ์ธรรมชาติทะเลสาบจั๋วไห่ สำนักงานเขตอนุรักษ์ธรรมชาติเขอเข่อซีหลี่ของอุทยานแห่งชาติซานเจียงหยวน แนะนำว่าทะเลสาบจั๋วไห่ได้ชื่อว่าเป็น "ห้องคลอดขนาดใหญ่" ของละมั่งทิเบต ในฤดูกาลตกลูกของละมั่งทิเบต จะมีละมั่งทิเบตตัวเมียประมาณสี่ห้าหมื่นตัวคลอดลูกที่นี่ เวลานี้ ชิวเผยจาซีและเพื่อนร่วมงานอื่นๆ นอกจากคอยคุ้มครองความปลอดภัยของแม่ละมั่งทิเบตแล้ว ก็ต้องค้นหาและช่วยเหลือลูกละมั่งทิเบตที่ไม่มีแม่ดูแล ซึ่งเป็นงานด่วนที่สุดของพวกเขา
ชิวเผยจาซีกล่าวว่า เมื่อพบละมั่งทิเบตน้อยถูกทิ้ง เราต้องรีบช่วยชีวิตและพามันกลับมาดูแล เพราะพวกมันอยู่ข้างนอกนานไม่ได้ หนึ่งคือยังไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวจากศัตรูธรรมชาติ อีกประการหนึ่งคือมันเพิ่งคลอดออกมา ยังไม่แข็งแรงพอที่จะเอาตัวรอด
การค้นหาลูกละมั่งทิเบตที่สูญเสียแม่ในป่า เป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้เวลา สมาชิกในทีมมักจะต้องปีนไต่ไปบนเขาน้ำแข็ง นอนบนหิมะ กินและนอนท่ามกลางลมหนาว
ชิวเผยจาซีกล่าวว่า หาเจอไม่ง่ายเลย คนที่ไม่มีประสบการณ์หาไม่เจอแน่ เพราะสีขนของมันจะใกล้เคียงกับสีดิน
ไม่เพียงแต่จะต้องพบละมั่งทิเบตน้อยที่ถูกทิ้งให้ทันเวลาเท่านั้น เนื่องด้วยเงื่อนไขจุดที่ตั้งของสถานีอนุรักษ์ธรรมชาติเขตทะเลสาบจั๋วไห่ไม่ค่อยดีพอ ลูกละมั่งทิเบตจะถูกส่งไปยังสถานีอนุรักษ์ธรรมชาติที่ดีกว่า ซึ่งแม้ว่าระยะทางเพียงร้อยกว่ากิโลเมตร ก็ต้องใช้เวลาการส่งอย่างน้อย 1 วัน ถ้าอากาศไม่ดีก็ต้องเดินทางเป็น 10 วันเลยทีเดียว หากไม่ระวัง ลูกละมั่งทิเบตที่ยังอ่อนแอเหล่านี้อาจตายได้ระหว่างทาง
ชิวเผยจาซีกล่าวว่า หลายปีมานี้ ผมทำงานนี้มีประสบการณ์แล้ว ขับไป 30 - 40นาทีก็ต้องหยุดพัก เพื่อให้ละมั่งทิเบตได้พักสูดอากาศบริสุทธิ์ด้วย มีบางสถานการณ์ ต้องลดปริมาณของนมป้อนให้กับมัน เพราะเกรงว่ามันจะมีอาการเมารถ
ลูกละมั่งทิเบตที่ถูกขนย้ายจากสถานีอนุรักษ์ธรรมชาติเขตทะเลสาบจั๋วไห่ จะพักอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือดูแลสัตว์ เพราะลูกละมั่งทิเบตเหล่านี้ยังเล็กเกินไป จึงต้องมีพนักงานให้นมด้วย พนักงานชายมากกว่า 10 คน ผลัดกันเป็น “แด๊ดดี้” คอยป้อนนมพวกมันทุกวัน 3 เวลา คือ เช้า-กลางวัน-เย็น รวมทั้งดูการย่อยอาหารของพวกมันทุกวันหลังให้อาหารด้วย คอยตรวจดูอุจจาระว่าผิดปกติหรือไม่
ที่นี่ ลูกละมั่งทิเบตจะได้รับการฝึกใช้ชีวิตเองแบบกึ่งธรรมชาติและตามธรรมชาติจริงในที่สุด หลังจากนั้น 2-3 ปีก็จะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ และเนื่องจากเลี้ยงลูกละมั่งทิเบตอย่างใกล้ชิดมานาน ทุกครั้งที่ปล่อยพวกมันไปใช้ชีวิตเอง เจ้าหน้าที่ในสถานีก็จะอาลัยอาวรณ์ยิ่งด้วยความผูกพัน
ตามสถิติ ศูนย์ช่วยเหลือดูแลสัตว์แห่งนี้ ได้ช่วยชีวิตสัตว์ป่านานาชนิดกว่า 600 ตัว ส่วนใหญ่เป็นละมั่งทิเบต โดยปล่อยลูกละมั่งทิเบตคืนสู่ธรรมชาติรวมแล้วกว่า 50 ตัว