เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มณฑลฝูเจี้ยนได้ใช้แนวคิดเชิงนวัตกรรมและเทคโนโลยีทันสมัยมากระตุ้นการพัฒนารูปแบบอุตสาหกรรมการผลิตชา ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมไปตามยุคสมัย

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ตำบลซิงชุน เมืองอู่อี๋ซาน มีดอก “คาโนลา” บานสะพรั่งทั่วพื้นที่ หลังจากเกษตรกรผู้ปลูกชาได้นำต้นคาโนลาและต้นถั่วเหลืองมาปลูกคั่นระหว่างต้นชา นอกจากจะช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรแล้ว ใบของต้นคาโนลาและต้นถั่วเหลืองที่ร่วงลงพื้นดินยังสามารถใช้เป็นปุ๋ยสำหรับต้นชาได้ด้วย 

ในปี 2021 ชาวบ้านในอู่อี๋ซาน มีรายได้เฉลี่ย 30,000 หยวน หรือ ประมาณ 160,000 บาท เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นเผยว่า รูปแบบการจัดการไร่ชาเชิงนิเวศนี้ สามารถควบคุมคาร์บอนในอากาศได้ โดยข้อมูลจากกรมป่าไม้ระบุว่า พื้นที่นี้มีคาร์บอนส่วนเกินอยู่ที่ประมาณ 15 ตันต่อเฮกตาร์ต่อปี หรือ 15 ตันต่อ 10,000 ตารางเมตร โดยเกษตรกรไร่ชาก็สามารถนำอ่างเก็บคาร์บอนไปขายได้ด้วย

นอกจากนี้ “ซาเซี่ยน สแน็ก” ร้านอาหารว่างชื่อดังของมณฑลฝูเจี้ยน ได้เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจจากร้านอาหารว่างรายย่อยเล็ก ๆ มาเป็นระบบครัวส่วนกลาง ทำให้อาหารมีมาตรฐานขึ้น และผลิตวัตถุดิบจากแหล่งเดียวกันแล้วจึงส่งไปตามสาขาต่าง ๆ เพื่อรับประกันคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร

ขณะเดียวกัน “ซาเซี่ยน สแน็ก” ยังได้สร้างนิคมอุตสาหกรรมขึ้นมาเพื่อพัฒนาอาหารว่างกึ่งสำเร็จรูปและสินค้าอื่น ๆ ถึง 1,000 รายการ  เพื่อให้ผู้คนทั่วจีนและทั่วโลกได้สัมผัสกับอาหารเลิศรสตำรับท้องถิ่น

ปัจจุบัน “ซาเซี่ยน สแน็ก” มีสาขามากกว่า 90,000 แห่ง ซึ่งกระจายอยู่ในกว่า 60 ประเทศและภูมิภาค